พระราชวังต้องห้าม ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่และเรื่องเล่าจากราชวงศ์จีน
พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) หรือชื่อภาษาจีนว่า “กู้กง” (故宫) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ถือเป็นศูนย์กลางอำนาจของจักรวรรดิจีนในช่วงราชวงศ์หมิงและชิง มีความยิ่งใหญ่ทั้งในเชิงสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และการเมือง และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 ในปัจจุบัน พระราชวังต้องห้ามไม่เพียงแต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก แต่ยังเป็นจุดหมายหลักของผู้ที่มา ทัวร์จีน ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง
ประวัติความเป็นมา
พระราชวังต้องห้าม เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1406 (พ.ศ. 1949) ตามคำสั่งของจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง ใช้เวลารวมกว่า 14 ปีในการก่อสร้าง และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1420 โดยใช้ช่างฝีมือและแรงงานจำนวนมหาศาล โครงสร้างของพระราชวังเป็นไปตามแนวคิด "หยินหยาง" และหลัก "เฟิงสุ่ย" แบบจีนดั้งเดิม ต่อมา พระราชวังต้องห้ามยังคงเป็นศูนย์กลางของอำนาจต่อเนื่องในสมัยราชวงศ์ชิง โดยมีจักรพรรดิรวมกว่า 24 พระองค์ที่ประทับอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ รวมเวลาทั้งหมดกว่า 500 ปี
สัญลักษณ์แห่งอำนาจจักรพรรดิ
1. สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่
พระราชวังต้องห้ามมีอาคารรวมกว่า 980 หลัง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 720,000 ตารางเมตร ถือเป็นพระราชวังโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะอาคารมีการยกระดับตามสถานะผู้ใช้งาน เช่น พระที่นั่งไท่เหอ (Taihe Dian) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางใช้สำหรับพิธีสำคัญที่สุดในราชสำนัก
2. สีและลวดลาย
สีแดงในพระราชวังหมายถึงพลังและความเจริญรุ่งเรือง ขณะที่กระเบื้องหลังคาสีเหลืองแทนพระราชอำนาจ เพราะสีเหลืองเป็นสีของจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว
3. การวางผังที่ซับซ้อน
ผังพระราชวังต้องห้ามเป็นไปตามแนวแกนเหนือ–ใต้ โดยแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนหลัก คือ “เขตด้านหน้า” สำหรับกิจการราชสำนัก และ “เขตด้านใน” สำหรับชีวิตส่วนพระองค์ของจักรพรรดิ ซึ่งสื่อถึงการแยกแยะอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ในทุกมิติของชีวิตในราชสำนัก
ขอบคุณภาพจาก : tiewjourney.com
งานอนุรักษ์และการปรับปรุงในยุคใหม่
หลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ค.ศ. 1949 พระราชวังต้องห้ามได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวัง (Palace Museum) อย่างเป็นทางการ โดยมีการอนุรักษ์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้างอาคาร โบราณวัตถุ งานศิลปกรรม และบันทึกประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 เป็นต้นมา ทางการจีนได้เปิดตัว "โครงการอนุรักษ์พระราชวังต้องห้าม 16 ปี" โดยมีเป้าหมายบูรณะพื้นที่ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2020 ให้กลับคืนสภาพเดิมมากที่สุดตามหลักวิทยาศาสตร์และโบราณคดี หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการเปิดพื้นที่มากขึ้นให้แก่สาธารณชน ปัจจุบันผู้มาเยือนสามารถเข้าชมได้มากกว่า 80% ของพื้นที่พระราชวัง จากเดิมที่อนุญาตเพียง 30% เท่านั้น
จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปทัวร์จีนที่พระราชวังต้องห้าม
1.พระที่นั่งไท่เหอ – จุดศูนย์กลางของพระราชวัง เป็นที่จัดพิธีราชาภิเษกและงานสำคัญต่าง ๆ
2. ประตูอู่เหมิน (Meridian Gate) – ทางเข้าหลักด้านใต้ สถาปัตยกรรมสูงใหญ่ที่แสดงถึงอำนาจ
3.พระตำหนักเฉียนชิง – เขตประทับของจักรพรรดิในเขตส่วนพระองค์
4.พิพิธภัณฑ์พระราชวัง – แสดงโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยมกว่า 1.8 ล้านชิ้น
พระราชวังต้องห้ามจึงเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่เลือกซื้อ ทัวร์จีน เพื่อสัมผัสอารยธรรมโบราณอย่างลึกซึ้ง การเดินทางมาที่นี่เปรียบเสมือนการย้อนเวลากลับไปสู่ยุครุ่งเรืองของจักรพรรดิจีน
ทำไมต้องใส่พระราชวังต้องห้ามไว้ในแผนการทัวร์จีนของคุณ
-
เป็นจุดหมายที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมระดับโลก
-
เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์จีนอย่างลึกซึ้ง
-
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการดูแลและจัดการที่ดีที่สุดของจีน
-
รายล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอื่น ๆ เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน, หอฟ้าเทียนถาน, และถนนโบราณหนานโหลว
สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไป ทัวร์จีน และไม่อยากพลาดสถานที่สำคัญระดับโลกเช่นพระราชวังต้องห้าม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Thaifly.com เพื่อเลือกแพ็กเกจทัวร์จีนที่เหมาะกับคุณ
พระราชวังต้องห้ามไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสัญลักษณ์ของอารยธรรมจีนที่สืบทอดมากว่า 600 ปี เป็นบทเรียนทางประวัติศาสตร์ เป็นงานศิลปะที่จับต้องได้ และเป็นจุดศูนย์กลางของอำนาจในอดีต ปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์อย่างยอดเยี่ยมและเปิดให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และสัมผัสกับมรดกของโลก
หากคุณวางแผนจะไป ทัวร์จีน พระราชวังต้องห้ามคือจุดหมายที่ต้องอยู่ในลิสต์ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย