Japan Rail Pass คืออะไร? คู่มือการใช้งาน ราคา และความคุ้มค่า (อัปเดต 2025)

แอดมิน

Japan Rail Pass คืออะไร? คู่มือการใช้งาน ราคา และความคุ้มค่า (อัปเดต 2025)

Japan Rail Pass คืออะไร?

Japan Rail Pass หรือที่มักเรียกกันว่า JR Pass คือบัตร (ตั๋ว) ที่ให้ผู้ถือสามารถใช้นั่งรถไฟของเครือข่าย JR (Japan Railway Group) ได้ไม่จำกัดในช่วงเวลาที่กำหนด (7 วัน / 14 วัน / 21 วัน) ภายในญี่ปุ่น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศในสถานะ “นักท่องเที่ยวชั่วคราว (Temporary Visitor)” เท่านั้น

บัตรนี้ถูกออกโดยความร่วมมือของบริษัท JR ทั้ง 6 กลุ่ม (JR East, JR West, JR Central, JR Hokkaido, JR Shikoku, JR Kyushu) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟเป็นหลักในการสำรวจเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น


จุดเด่นของ JR Pass

การใช้ JR Pass มีข้อได้เปรียบหลายประการ ดังนี้

  1. เดินทางได้ไม่จำกัด
    ภายในช่วงวันที่บัตรใช้งาน (7, 14 หรือ 21 วัน) คุณสามารถนั่งรถไฟ JR ได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วแยก (แต่บางขบวนอาจต้องจองที่นั่งล่วงหน้า)

  2. ครอบคลุมชินคันเซ็น & รถไฟด่วน (limited express)
    คุณสามารถใช้ JR Pass กับชินคันเซ็น (Shinkansen) สายหลัก ยกเว้น ขบวน Nozomi และ Mizuho (ในเส้น Tokaido / Sanyo / Kyushu) ซึ่งถ้าต้องการใช้จะต้องจ่ายค่าเพิ่มเติมพิเศษ

  3. ครอบคลุมเส้นทาง JR ต่าง ๆ ทั้งในเมือง & ระหว่างภูมิภาค
    คุณสามารถใช้ JR Pass กับรถไฟ JR Rapid / Local / Express / Limited Express และบางสายรถบัส JR (Local JR Bus) ได้ด้วย

  4. ความสะดวกสบาย & ความอิสระในการเดินทาง
    แทนที่จะต้องซื้อตั๋วแยกสำหรับแต่ละเส้นทาง คุณสามารถขึ้นรถไฟ JR ได้ทันทีโดยแสดงบัตรที่ประตูหรือต่อคิวที่เจ้าหน้าที่ “ช่องตรวจตั๋ว (JR gate)” ได้เลย สิ่งนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการวางแผนและซื้อตั๋วหลายใบ

  5. ประหยัดเวลา & วางแผนยืดหยุ่น
    การมี pass ช่วยให้คุณเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ง่าย เช่น ขึ้นรถไฟโดยไม่ต้องพะวงว่าจะลืมซื้อตั๋วล่วงหน้า เมื่อคุณรู้ล่วงหน้าว่าจะใช้ JR Pass บนหลายเส้นทางหลัก ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาตั๋วแยกในแต่ละเที่ยว


ประเภท & ราคา JR Pass (อัปเดตล่าสุด)

ประเภท JR Pass

JR Pass แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก:

  • Ordinary / Standard (ที่นั่งปกติ)

  • Green (เกรดพรีเมียม/ชั้นพิเศษ – คล้าย First Class)

ทั้งสองแบบมีให้เลือกใช้งานแบบ 7 วัน, 14 วัน หรือ 21 วัน

ราคา (Exchange Order / ราคาสมมุติ ณ ปัจจุบัน)

ตามหน้าเว็บทางการ “Types and prices” ของ JR Pass จะมีราคาดังนี้ (ราคายังเป็นหน่วยเยน)

ระยะเวลา Ordinary (ผู้ใหญ่) Ordinary (เด็ก) Green (ผู้ใหญ่) Green (เด็ก)
7 วัน ¥50,000 ¥25,000 ¥70,000 ¥35,000
14 วัน ¥80,000 ¥40,000 ¥110,000 ¥55,000
21 วัน ¥100,000 ¥50,000 ¥140,000 ¥70,000

หมายเหตุ: เด็กที่อายุ 6–11 ปีในวันที่เริ่มใช้บัตรจะถือว่าเป็น “เด็ก” หากอายุ 12 ปีขึ้นไปนับเป็นผู้ใหญ่

นอกจากนี้ บัตรแลก (exchange order voucher) ที่ซื้อก่อนหน้าจะต้องนำไปแลกเป็น JR Pass ภายในเวลา 90 วัน (3 เดือน) หลังวันที่ออกบัตร

หมายเหตุสำคัญ (อัปเดตปี 2023–2025):
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นมา JR Pass ได้มีการปรับขึ้นราคาอย่างมีนัยสำคัญ (เกือบ 70%) ซึ่งส่งผลให้การคุ้มค่าของบัตรลดลงเมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแยกในบางเส้นทาง

นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีข้อมูลว่า JR Pass สามารถซื้อได้จนถึงปี 2025 ที่จุดขายต่างประเทศและออนไลน์ (สำหรับการใช้งานในอนาคต)


เงื่อนไข & ข้อจำกัดสำคัญ

ก่อนตัดสินใจซื้อ JR Pass ควรทราบเงื่อนไขและข้อจำกัดเหล่านี้:

  1. คุณสมบัติผู้ใช้
    ผู้ที่สามารถใช้ JR Pass ได้ต้องเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศด้วยสถานะ “นักท่องเที่ยวชั่วคราว (Temporary Visitor)” เท่านั้น บัตรไม่สามารถขายให้ผู้ที่อาศัยในญี่ปุ่นหรือผู้มีวีซ่าชนิดอื่น ๆ ได้

  2. ต้องแลกบัตร / เปิดใช้งานที่ญี่ปุ่น
    เมื่อคุณซื้อเป็น “Exchange Order Voucher” (คูปองแลกบัตร) จากต่างประเทศ คุณจะต้องนำ voucher นั้นไปแลกเป็น JR Pass ที่เคาน์เตอร์ JR ภายในญี่ปุ่น (เช่น ที่สนามบิน หรือสถานีใหญ่) 

  3. วันที่เริ่มใช้ (Start Date)
    เมื่อแลกบัตรแล้ว คุณสามารถเลือกวันเริ่มต้น (Start Date) ได้ภายใน 30 วันนับจากวันที่แลกบัตร แต่หลังจากเริ่มใช้งานแล้ว บัตรจะนับถอยหลังตามจำนวนวันเต็ม (เช่น ใช้บัตร 7 วัน ถ้าเริ่มใช้วันที่ 1, จะใช้งานจนถึงสิ้นวันวันที่ 7)

  4. ไม่รวม Nozomi และ Mizuho (โดยปกติ)
    โดยปกติ JR Pass ไม่ครอบคลุมขบวน Nozomi และ Mizuho ซึ่งเป็นขบวนชินคันเซ็นที่วิ่งเร็วที่สุด แต่คุณสามารถนั่งได้โดยจ่ายเพิ่มเติม (surcharge) ในบางกรณีหรือเลือกใช้ขบวนที่คล้ายกัน เช่น Hikari / Sakura / Kodama แทน

  5. ต้องแสดงหนังสือเดินทาง / ตรวจสอบชื่อผู้ใช้
    เมื่อแลกบัตร เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหนังสือเดินทาง และชื่อผู้ใช้ที่จดทะเบียนไว้กับบัตร (ชื่อ–นามสกุล) บัตรไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นใช้งานได้

  6. จองที่นั่ง (Seat Reservation)
    สำหรับขบวนที่มีที่นั่งจอง (reserved seats) คุณสามารถจองล่วงหน้าได้ฟรีสำหรับผู้ถือ JR Pass ผ่านเคาน์เตอร์ JR (Midori no Madoguchi) หรือเครื่องจองตั๋วที่รองรับ (ถ้ามี) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    อย่างไรก็ตาม ในบางขบวนอาจมีข้อจำกัดเรื่องที่นั่งสำรองเต็ม หรือเงื่อนไขบางประการตามเส้นทางหรือเวลา

  7. การคืนเงิน / เปลี่ยนแปลง
    หากคุณยังไม่แลกบัตร (ยังอยู่ในสถานะ voucher) สามารถขอคืนเงินได้ (มีค่าบริการ) ภายในเวลาที่ JR กำหนด
    แต่เมื่อแลกเป็น JR Pass แล้ว โดยทั่วไปจะไม่สามารถเปลี่ยนประเภทหรือระยะเวลาได้ (เช่น จาก 7 วันเป็น 14 วัน)


วิธีการใช้งาน JR Pass — ขั้นตอนจริง

  1. ซื้อ Exchange Order Voucher (คูปองแลกบัตร)
    ซื้อได้ผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต (Travel agency) หรือออนไลน์ก่อนเดินทาง

  2. นำ voucher ไปแลกเป็น JR Pass เมื่อถึงญี่ปุ่น
    พบเคาน์เตอร์ JR (เช่น ภายในสนามบิน หรือสถานี JR ใหญ่) พร้อมหนังสือเดินทาง

  3. เลือกวันเริ่มต้น (Start Date)
    เลือกวันเริ่มต้นที่ต้องการใช้ (ภายใน 30 วันนับจากวันที่แลก)

  4. เริ่มใช้งาน & แสดงบัตร
    ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ JR ให้แสดง JR Pass ที่ช่องประตูหรือให้เจ้าหน้าที่ตรวจ

  5. จองที่นั่ง (ถ้าต้องการ)
    ไปที่เคาน์เตอร์ JR หรือเครื่องจองตั๋วภายในสถานี เพื่อจองที่นั่งโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

  6. วางแผนเส้นทาง & ตรวจสอบวันใช้งาน
    ใช้ JR Pass อย่างชาญฉลาดโดยวางแผนให้เดินทางไกลหรือหลายจุดภายในช่วงวันที่คุ้มค่า


คุ้มค่าหรือไม่? วิเคราะห์ JR Pass สำหรับปี 2025

แม้ JR Pass จะเป็นเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักเดินทางญี่ปุ่น แต่ตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2023 เป็นต้นมามีการ ปรับขึ้นราคาอย่างมาก (ประมาณ 70%) ซึ่งทำให้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแยกหลาย ๆ เส้นทางลดน้อยลง

บทความในปี 2025 หลายบทได้วิเคราะห์ว่า:

  • สำหรับเส้นทางหลักยอดนิยม เช่น Tokyo → Kyoto → Osaka → Hiroshima ถ้าเดินทางหลายจุดและใช้ชินคันเซ็นบ่อย ๆ JR Pass อาจยังคุ้มค่าในแง่ความสะดวก

  • แต่ถ้าแผนการเดินทางไม่กว้างไกลมาก เช่น ไปแค่ Tokyo – Kyoto แล้วกลับ JR Pass อาจแพงกว่าตั๋วแยกหลายเที่ยว

  • ในหลายกรณี บัตรหรือพาสเฉพาะภูมิภาค (Regional Pass) หรือการซื้อตั๋วแยกอาจคุ้มกว่ามากในปี 2025

ด้วยเหตุนี้ ก่อนซื้อ JR Pass ควรทำ “คำนวณค่าเดินทาง (Cost vs Benefit)” จากแผนการเดินทางจริงของคุณ (ใช้แอปหรือตารางราคาตั๋วของ JR) เพื่อประเมินว่า JR Pass จะช่วยประหยัดได้หรือไม่


เคล็ดลับ &ข้อแนะนำ

  • ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ (Tokyo, Osaka, Kyoto) บัตร JR Pass อาจไม่ครอบคลุมระบบรถไฟใต้ดิน (metro/subway) เพราะระบบเหล่านั้นมักเป็นของเมือง ไม่ใช่ JR

  • หากคุณจะเดินทางในเมือง ควรวางแผนให้เริ่มใช้ JR Pass เมื่อออกจากเมืองใหญ่ เพื่อให้ช่วงการใช้งานครอบคลุมการเดินทางระหว่างเมือง

  • จองที่นั่งล่วงหน้าในขบวนที่เป็นที่นิยม (เช่น ช่วงเช้าหรือเย็น) เพราะที่นั่งสำรองอาจเต็มได้

  • ตรวจสอบเวลาทำการของเคาน์เตอร์ JR ที่คุณจะแลกบัตรหรือจองที่นั่ง

  • ถ้าต้องการใช้ Nozomi / Mizuho จริง ๆ พร้อมจ่ายเพิ่ม ให้คำนวณว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคุ้มค่าหรือไม่

  • พยายามซื้อ JR Pass เมื่อมีโปรโมชั่นหรือจากตัวแทนที่มีค่าจัดส่งถูก


FAQ — คำถามที่พบบ่อย (10 คำถาม)

  1. ใครมีสิทธิใช้ JR Pass ได้บ้าง?
    นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าญี่ปุ่นในสถานะ “นักท่องเที่ยวชั่วคราว (Temporary Visitor)” เท่านั้น

  2. JR Pass ครอบคลุมชินคันเซ็นทุกสายหรือไม่?
    ครอบคลุมชินคันเซ็นเกือบทั้งหมด ยกเว้นขบวน Nozomi และ Mizuho (ต้องจ่ายเพิ่มถ้าต้องการใช้)

  3. สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ไหม?
    ได้ ผู้ใช้ JR Pass สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้ฟรีที่เคาน์เตอร์ JR หรือเครื่องจองภายในสถานี (ถ้ามี)

  4. ซื้อ JR Pass ล่วงหน้าในต่างประเทศ แล้วแลกใช้เมื่อถึงญี่ปุ่นได้เลยหรือไม่?
    ได้ — คุณซื้อเป็น voucher (Exchange Order) ล่วงหน้า แล้วแลกเป็น JR Pass เมื่อถึงญี่ปุ่นที่เคาน์เตอร์ JR

  5. สามารถเปลี่ยนประเภทบัตร / ระยะเวลาได้ไหม?
    เมื่อแลกเป็น JR Pass แล้ว โดยทั่วไปไม่สามารถเปลี่ยนประเภทหรือระยะเวลาได้

  6. ถ้าลืมใช้ JR Pass ในบางวัน จะเสียโอกาสใช้งานหรือไม่?
    ใช่ — ระยะเวลาใช้งานจะนับติดกัน 7, 14, หรือ 21 วันเต็ม ไม่มี “หยุดนับวัน” เมื่อไม่ได้ใช้งาน 

  7. คืนเงินได้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้แลกบัตร?
    ได้ — ถ้าคุณยังไม่ได้แลก voucher เป็น JR Pass คุณสามารถขอคืนเงิน (มีค่าบริการ) ภายในเวลาที่กำหนด

  8. JR Pass ใช้กับรถราง / รถไฟใต้ดิน (Metro) ในเมืองได้ไหม?
    ไม่ได้ — JR Pass ใช้กับระบบ JR เท่านั้น ไม่ครอบคลุมรถไฟใต้ดิน / รถราง / บางรถบัสในเมืองที่ไม่ใช่ของ JR

  9. ถ้าใช้ JR Pass แล้ว ขึ้นประตูอัตโนมัติ (Automatic Gate) ได้หรือไม่?
    ได้ — บัตร JR Pass ใหม่มี QR code ที่สามารถใช้ผ่านประตูอัตโนมัติในบางสถานีได้ แต่ในบางสถานีอาจต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจมากกว่าการใช้ทางอัตโนมัติ

  10. ในปี 2025 JR Pass ยังคุ้มหรือไม่?
    มีแนวโน้มว่า JR Pass จะ คุ้มน้อยลง เนื่องจากราคาที่เพิ่มขึ้นในปี 2023 — สำหรับบางแผนเดินทางที่ใช้หลายจุดและระยะทางไกลยังอาจคุ้มค่า แต่สำหรับแผนที่ไม่ซับซ้อน อาจจะถูกกว่าการซื้อตั๋วแยก


วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นให้คุ้ม — เลือกเส้นทางและฤดูกาลที่ใช่กับคุณ

กำลังเตรียมตัวเดินทางไปญี่ปุ่น? ไม่ว่าคุณจะอยากชมซากุระบานสะพรั่งในโตเกียว หิมะขาวโพลนที่ฮอกไกโด หรือหลงเสน่ห์เมืองเกียวโตที่เต็มไปด้วยวัดและวัฒนธรรมดั้งเดิม ทัวร์ญี่ปุ่น มีแพ็กเกจและเส้นทางให้เลือกหลากหลาย ทั้งโตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฮอกไกโด โอกินาว่า และอีกหลายเมืองน่าค้นหา โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Thaifly คอยช่วยออกแบบทริปให้เหมาะกับงบ เวลาที่มี และสไตล์การเดินทางของคุณ

  • สายธรรมชาติ: สัมผัสภูเขาฟูจิสุดยิ่งใหญ่ ทุ่งลาเวนเดอร์ฟุราโนะ และบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็น
  • สายวัฒนธรรม: ชมวัดคินคะคุจิ เดินเล่นย่านกิออน และสัมผัสวิถีซามูไร–เกอิชา
  • สายเมืองใหญ่: ช้อปปิ้งชินจูกุ ชิบูย่า เที่ยวดิสนีย์แลนด์โตเกียว และ Universal Studios Japan

ต้องการคำแนะนำแบบส่วนตัว? ให้ผู้เชี่ยวชาญ Thaifly ช่วยออกแบบเส้นทาง จัดการเอกสาร และวางงบประมาณ พร้อมเทียบแพ็กเกจ ทัวร์ญี่ปุ่น ที่ตรงใจคุณที่สุด

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

หัวข้อน่าอ่าน