แสงเหนือ (Aurora Borealis) ดูได้ที่ประเทศไหน? และช่วงเวลาใดดีที่สุด

แอดมิน

แสงเหนือ (Aurora Borealis) ดูได้ที่ประเทศไหน? และช่วงเวลาใดดีที่สุด

แสงเหนือ (Aurora Borealis) คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามที่สุดอย่างหนึ่งของโลก เกิดจากการปะทะกันของอนุภาคจากดวงอาทิตย์และสนามแม่เหล็กโลก จนเกิดแสงสีเขียว แดง ม่วง สว่างไสวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยเฉพาะในประเทศแถบขั้วโลกเหนืออย่างนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเบื้องหลังวิทยาศาสตร์ของแสงเหนือ ตำนานในแต่ละวัฒนธรรม จุดชมยอดนิยม ช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเคล็ดลับเตรียมตัวไปล่าแสงเหนือแบบมืออาชีพ

แสงเหนือมักปรากฏในประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปเหนือ เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ สวีเดน และไอซ์แลนด์ ประเทศเหล่านี้ไม่เพียงมีธรรมชาติอันงดงามและเหมาะสำหรับการชมแสงเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวยุโรปอีกด้วย หากคุณสนใจวางแผนการเดินทางไปชมแสงเหนือในโซนยุโรป สามารถดูรายการทัวร์เพิ่มเติมได้ที่ ทัวร์ยุโรปทั้งหมด

นิยามและความสำคัญของแสงเหนือ

แสงเหนือ หรือ Aurora Borealis คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการปะทะกันระหว่างอนุภาคประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์กับสนามแม่เหล็กของโลก เมื่ออนุภาคเหล่านี้เดินทางเข้าสู่บรรยากาศโลก โดยเฉพาะบริเวณขั้วโลกเหนือ มันจะชนกับโมเลกุลของก๊าซในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเรืองแสงเป็นสีต่าง ๆ เช่น เขียว ม่วง แดง และฟ้า ซึ่งลอยเคลื่อนไหวไปมาบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างน่ามหัศจรรย์

ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงพลังงานอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และการเชื่อมโยงระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกของเรา นักวิทยาศาสตร์จึงให้ความสนใจในการศึกษาปรากฏการณ์นี้ทั้งในด้านดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถใช้วิเคราะห์พลังงานจากดวงอาทิตย์และการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลกได้ด้วย

หลักการทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลังปรากฏการณ์แสงเหนือ

ดวงอาทิตย์และอนุภาคประจุ

ดวงอาทิตย์มีการปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาในรูปของ “ลมสุริยะ” (Solar Wind) ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคประจุบวกและลบ เช่น อิเล็กตรอนและโปรตอน เมื่อเกิดการระเบิดพลังงานอย่างรุนแรง เช่น Solar Flare หรือ Coronal Mass Ejection (CME) อนุภาคเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาเป็นจำนวนมาก และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงในอวกาศ

สนามแม่เหล็กโลกกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น

โลกของเรามีสนามแม่เหล็กธรรมชาติที่ทำหน้าที่เหมือนโล่ป้องกันไม่ให้อนุภาคเหล่านี้กระทบพื้นผิวโดยตรง อย่างไรก็ตาม ที่บริเวณขั้วโลกเหนือและใต้ สนามแม่เหล็กจะมีลักษณะเปิด ทำให้อานุภาคประจุจากดวงอาทิตย์สามารถแทรกเข้ามายังชั้นบรรยากาศโลกได้

เมื่ออนุภาคเหล่านี้ชนกับโมเลกุลของก๊าซ เช่น ออกซิเจน (O₂) และ ไนโตรเจน (N₂) จะเกิดการกระตุ้นพลังงานในโมเลกุล และเมื่อโมเลกุลกลับสู่สถานะปกติ จะปล่อยพลังงานออกมาในรูปของ “แสง” ซึ่งก็คือแสงเหนือที่เรามองเห็นนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงของสีแสง

สีของแสงเหนือขึ้นอยู่กับชนิดของก๊าซและระดับพลังงานที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • สีเขียว: เกิดจากออกซิเจนในระดับความสูงประมาณ 100-300 กิโลเมตร
  • สีแดง: เกิดจากออกซิเจนในระดับสูงกว่า 300 กิโลเมตร
  • สีน้ำเงินหรือม่วง: เกิดจากไนโตรเจนเมื่อได้รับพลังงานสูง
  • สีชมพูหรือเหลือบรุ้ง: มักเป็นการผสมระหว่างออกซิเจนและไนโตรเจนในช่วงการปล่อยแสงพร้อมกัน

แสงเหล่านี้จะปรากฏในรูปแบบคล้ายม่าน, ริ้ว, หรือคลื่นที่พริ้วไหวตลอดเวลาบนท้องฟ้า

 

ประเทศที่สามารถชมแสงเหนือได้ และช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์

แม้ว่าแสงเหนือจะเกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศของโลกตลอดทั้งปี แต่การมองเห็นด้วยตาเปล่าจะเป็นไปได้เฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ โดยเฉพาะในบริเวณที่เรียกว่า Auroral Oval ซึ่งเป็นแนวโค้งวงรีรอบขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งแสงเหนือจะเกิดขึ้นบ่อยและชัดเจนในบริเวณนี้มากที่สุด

รายชื่อประเทศที่สามารถชมแสงเหนือได้อย่างชัดเจน พร้อมตำแหน่งแนะนำ มีดังนี้

1. นอร์เวย์ (Norway)

  • ตำแหน่งแนะนำ: เมือง Tromsø, หมู่เกาะ Lofoten, เมือง Alta
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนเมษายน โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
  • ข้อสังเกต: นอร์เวย์มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวครบถ้วน และเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมในการชมแสงเหนือ

นอร์เวย์ (Norway)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By inigofotografia


2. ฟินแลนด์ (Finland)

  • ตำแหน่งแนะนำ: เมือง Rovaniemi, Saariselkä, Kakslauttanen Arctic Resort
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน โดยช่วงที่เห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม
  • ข้อสังเกต: Lapland ในฟินแลนด์เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวสามารถชมแสงเหนือได้จากที่พักแบบกระท่อมกระจก

ฟินแลนด์ (Finland)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By Juhku 


3. สวีเดน (Sweden)

  • ตำแหน่งแนะนำ: Abisko National Park, เมือง Kiruna
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: กลางเดือนกันยายนถึงปลายเดือนมีนาคม
  • ข้อสังเกต: Abisko ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีสภาพอากาศแห้งและท้องฟ้าเปิด

สวีเดน (Sweden)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By RobinEriksson


 

4. ไอซ์แลนด์ (Iceland)

  • ตำแหน่งแนะนำ: Reykjavík, Thingvellir National Park, ภูเขา Kirkjufell, ทะเลสาบธารน้ำแข็ง Jökulsárlón
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: เดือนกันยายนถึงเมษายน โดยช่วงที่นิยมที่สุดคือเดือนตุลาคมถึงมีนาคม
  • ข้อสังเกต: ไอซ์แลนด์มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่หลากหลาย ทำให้การชมแสงเหนือมีความสวยงามเป็นพิเศษ

ไอซ์แลนด์ (Iceland)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By vichie81 

5. แคนาดา (Canada)

  • ตำแหน่งแนะนำ: เมือง Whitehorse (เขต Yukon), เมือง Yellowknife (เขต Northwest Territories), เมือง Churchill (จังหวัด Manitoba)
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน โดยเฉพาะเดือนมกราคมถึงมีนาคม
  • ข้อสังเกต: แคนาดามีพื้นที่ห่างไกลจากแสงเมืองจำนวนมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชมแสงเหนือในบรรยากาศเงียบสงบ

แคนาดา (Canada)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By Sharmaine Yap

6. รัสเซีย (Russia)

  • ตำแหน่งแนะนำ: เมือง Murmansk, เทือกเขา Khibiny บนคาบสมุทร Kola
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: เดือนตุลาคมถึงมีนาคม
  • ข้อสังเกต: แม้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าประเทศอื่น แต่รัสเซียมีพื้นที่ทางตอนเหนือที่เหมาะแก่การสังเกตการณ์แสงเหนืออย่างยิ่ง

รัสเซีย (Russia)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By AnnaTamila

7. สหรัฐอเมริกา (รัฐอลาสกา – Alaska)

  • ตำแหน่งแนะนำ: เมือง Fairbanks, เมือง Coldfoot, อุทยานแห่งชาติ Denali
  • ช่วงเวลาที่เหมาะสม: ปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนเมษายน โดยเฉพาะเดือนมกราคมถึงมีนาคม
  • ข้อสังเกต: อลาสกาเป็นจุดชมแสงเหนือที่ได้รับความนิยมในอเมริกาเหนือ ด้วยโอกาสในการเห็นแสงเหนือที่สูงและบริการท่องเที่ยวที่หลากหลาย

สหรัฐอเมริกา (รัฐอลาสกา – Alaska)

ขอบคุณรูปภาพจาก : Canva By andyKRAKOVSKI


ช่วงเวลาที่แสงเหนือสามารถมองเห็นได้

แม้ว่าแสงเหนือจะสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีในเชิงปรากฏการณ์ฟิสิกส์ แต่การมองเห็นด้วยสายตาของมนุษย์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดและปลอดโปร่ง

  • ช่วงเวลาทั่วไปที่สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ดี คือ ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน
  • ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่กลางคืนยาวนาน และมีอากาศเย็นจัด ทำให้ท้องฟ้าเปิดโล่ง มีโอกาสในการเห็นแสงเหนือสูง
  • ควรหลีกเลี่ยงช่วง พระจันทร์เต็มดวง และพื้นที่ที่มี แสงไฟจากเมือง เพื่อเพิ่มความชัดเจนในการชมแสงเหนือ

การวางแผนเดินทางโดยตรวจสอบพยากรณ์แสงเหนือจากเว็บไซต์เฉพาะทาง เช่น Aurora Service, NOAA หรือแอปพลิเคชันเช่น My Aurora Forecast จะช่วยเพิ่มโอกาสในการชมปรากฏการณ์ได้อย่างแม่นยำ

บทความที่เกี่ยวข้อง

หัวข้อน่าอ่าน