เส้นทางสายไหมในจีน ประวัติศาสตร์ที่เดินได้ สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

แอดมิน

เส้นทางสายไหมในจีน ประวัติศาสตร์ที่เดินได้ สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เส้นทางสายไหม” (Silk Road) คือเครือข่ายการค้าทางบกและทางทะเลที่สำคัญที่สุดในโลกโบราณ ที่เชื่อมโยงจีนกับโลกตะวันตกมาอย่างยาวนาน เส้นทางนี้ไม่เพียงแต่มีบทบาทในการแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ และอัญมณี แต่ยังเป็นสะพานเชื่อมทางวัฒนธรรม ศาสนา และเทคโนโลยีอีกด้วย ในปัจจุบัน เส้นทางสายไหมในจีนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ โดยนักเดินทางสามารถ "เดินตามประวัติศาสตร์" ผ่านเมืองโบราณหลายแห่งที่ยังคงกลิ่นอายของยุคทองไว้ได้อย่างชัดเจน


1. จุดกำเนิดของเส้นทางสายไหม

เส้นทางสายไหมมีจุดเริ่มต้นจากเมือง ฉางอาน หรือที่รู้จักในชื่อปัจจุบันว่า ซีอาน (Xi’an) ในมณฑลส่านซี ถือเป็นเมืองหลวงโบราณที่จักรพรรดิฮั่นหวู่ ได้ส่งทูตจางเชียนออกสำรวจเส้นทางเชื่อมโลกตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช จุดประสงค์แรกเริ่มเพื่อหาพันธมิตรทางการทหาร แต่ภายหลังกลายเป็นเส้นทางการค้าที่รุ่งเรือง

ซีอาน (Xi’an)


2. เส้นทางหลักในประเทศจีน

เส้นทางสายไหมในจีนแบ่งออกเป็น 3 เส้นทางหลัก ได้แก่

  • เส้นทางเหนือ ผ่านเมือง ซีอาน – ตุนหวง – อุรุมชี – คาสการ์

  • เส้นทางกลาง ผ่าน ลั่วหยาง – เติ้งเฟิง – อานซี – ทูร์ฟาน

  • เส้นทางใต้ ผ่าน เฉิงตู – คุนหมิง – ยูนนาน เชื่อมต่อกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


3. เมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมในจีน

3.1 ซีอาน (Xi’an)

อดีตเมืองหลวงของจีน 13 ราชวงศ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เช่น

  • กำแพงเมืองซีอาน

  • สุสานทหารดินเผา (Terracotta Warriors)

  • พิพิธภัณฑ์เส้นทางสายไหม

3.2 ตุนหวง (Dunhuang)

เมืองโอเอซิสสำคัญในมณฑลกานซู่ มี

  • ถ้ำโม่เกา (Mogao Caves)

  • ภาพเขียนฝาผนังพุทธศิลป์อันล้ำค่า

  • เนินทรายหมิงซาและทะเลสาบวงพระจันทร์

3.3 ทูร์ฟาน (Turpan)

แหล่งอารยธรรมอุยกูร์เก่า มี

  • เมืองโบราณเกาเฉิง

  • เหมืององุ่น

  • คานัต (ระบบชลประทานใต้ดินโบราณ)

3.4 คาสการ์ (Kashgar)

เมืองชายแดนใกล้ตะวันตกสุดของจีน

  • ตลาดใหญ่คาสการ์

  • มัสยิด Id Kah

  • เมืองเก่าและวัฒนธรรมอิสลามผสมจีน


4. ความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

เส้นทางสายไหมไม่ใช่แค่การค้าขายผ้าไหมเท่านั้น แต่ยังรวมถึง

  • การแพร่กระจายของศาสนา เช่น พุทธ อิสลาม และคริสต์

  • การถ่ายทอดความรู้ เช่น ดาราศาสตร์ แพทยศาสตร์ และการพิมพ์

  • วัฒนธรรมอาหาร เช่น บะหมี่ ลาซาน และขนมหวานอุยกูร์


5. เส้นทางสายไหมยุคใหม่: Belt and Road Initiative (BRI)

จีนได้รื้อฟื้นแนวคิดเส้นทางสายไหมอีกครั้งในชื่อ Belt and Road Initiative หรือ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (一带一路) เพื่อส่งเสริมการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยมีรากฐานจากเส้นทางสายไหมเดิม ซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยในรูปแบบถนน รถไฟ และวัฒนธรรมท้องถิ่น


6. วิธีท่องเที่ยวเส้นทางสายไหม

  • เส้นทางรถไฟ: รถไฟซีอาน-อุรุมชี ใช้เวลา 12–18 ชม.

  • ทัวร์ท้องถิ่น: หลายบริษัทจัดแพ็คเกจ “ทัวร์เส้นทางสายไหม” รวมที่พักและไกด์

  • รถยนต์ส่วนตัว: ขับตามถนนสาย G30 ที่ขนานไปกับเส้นทางสายไหมเดิม


7. เคล็ดลับการเดินทาง

  • ควรเดินทางช่วง พฤษภาคม – ตุลาคม (หลีกเลี่ยงฤดูหนาวในซินเจียง)

  • เตรียมตัวเรื่อง ภาษา: ใช้ภาษาจีนกลางและอุยกูร์ในบางพื้นที่

  • ระวังเรื่อง การเดินทางข้ามมณฑล ที่อาจมีการตรวจหนังสือเดินทางในบางพื้นที่


FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมในจีน

1. เส้นทางสายไหมเริ่มต้นที่ไหนในจีน?

เริ่มจากเมืองซีอาน (Xi’an) มณฑลส่านซี

2. เส้นทางสายไหมสิ้นสุดที่ใด?

สิ้นสุดที่เมืองคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคืออิสตันบูล ประเทศตุรกี)

3. เดินทางตามเส้นทางสายไหมได้อย่างไรในปัจจุบัน?

สามารถเดินทางด้วยรถไฟ, รถบัสท้องถิ่น หรือร่วมทัวร์เฉพาะทาง

4. ถ้ำโม่เกาคืออะไร?

คือกลุ่มถ้ำศิลปะพุทธในตุนหวง มีภาพจิตรกรรมผนังยุคโบราณมากกว่า 1,000 ปี

5. ควรใช้เวลากี่วันในการเที่ยวเส้นทางสายไหมในจีน?

แนะนำอย่างน้อย 7–10 วัน หากต้องการชมไฮไลต์หลัก

6. เส้นทางสายไหมในจีนเหมาะกับนักท่องเที่ยวประเภทใด?

เหมาะกับผู้สนใจประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และนักเดินทางสายผจญภัย

7. ต้องใช้วีซ่าอะไรในการเข้าเมืองแถบซินเจียง?

ใช้วีซ่าจีนทั่วไป (ประเภท L) เหมือนเมืองอื่นในจีน

8. ปลอดภัยหรือไม่ในการเดินทางผ่านซินเจียง?

โดยทั่วไปปลอดภัย มีการควบคุมความปลอดภัยระดับสูง นักท่องเที่ยวควรพกหนังสือเดินทางตลอดเวลา

9. มีการแสดงหรือกิจกรรมเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมหรือไม่?

มีการจัดเทศกาลเส้นทางสายไหมประจำปีในหลายเมือง เช่น ซีอาน ตุนหวง และคาสการ์

10. มีอาหารท้องถิ่นแนะนำบนเส้นทางสายไหมหรือไม่?

มี เช่น ลากมี่ยู (บะหมี่อุยกูร์), ซุปแพะ, ขนมปังนาน และชาเนย



เส้นทางสายไหมในจีนไม่ใช่แค่เส้นทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็น “ทางเดินแห่งวัฒนธรรม” ที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่หลงใหลในอารยธรรมโบราณจะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของการค้าระดับโลกในอดีต และเปิดโลกใหม่ที่จีนตั้งใจเชื่อมโยงกับทั่วโลกอีกครั้งในศตวรรษที่ 21


หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการเดินทางย้อนรอยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโบราณ การเลือกจอง ทัวร์จีน ที่รวมเส้นทางสายไหมไว้ในโปรแกรม คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้คุณได้สัมผัสจีนในอีกมุมที่ลึกซึ้งและทรงคุณค่า

หัวข้อน่าอ่าน